สำหรับผู้สร้างเว็บไซต์ เนื้อหาเป็นสิ่งที่สำคัญ เนื้อหาที่ดีจะทำให็เว็บไซต์น่าสนใจและชวนติดตาม และยังทำให้ผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมสนใจที่จะอ่านข้อมูลในหน้าต่อๆไป บทความนี้ผมจะมาแนะนำเกี่ยวกับเทคนิคในการเขียน Copywriting ให้ดูน่าสนใจ (เนื้อหาต่อไปนี้นำมาจากเว็บไซต์ http://www.seotools.net/)
แต่ก่อนที่จะเรียนรู้เทคนิคการเขียนข้อมูลให้น่าสนใจ เราควรจะเข้าใจก่อนว่า หากเว็บไซต์ของเรามีเนื้อหาที่ไม่สนใจ หรือมีเทคนิคการเขียนที่ไม่ดี จะส่งผลอย่างไร ? ซึ่งหลายๆคนอาจคิดว่าไม่สำคัญ แต่มันสำคัญครับ เพราะมันจะส่งผลกระทบกับค่า SEO ของเว็บไซต์ของคุณ คือ หากผู้ใช้ค้นหาเราเจอจาก Search Engine แต่เมื่อเข้ามาแล้วพบว่าเนื้อหาของเว็บไซต์ ไม่ตรงกับที่ต้องการ หรือไม่น่าสนใจ เค้าก็จะคลิ้กที่ปุ่ม Back เพื่อกลับไปเลือก "ผลลัพธ์" อื่นๆที่น่าสนใจกว่า ซึ่งตรงจุดนี้เองที่ Google จะทำการปรับลดค่า SEO ของเว็บไซต์ของคุณลง ดังนั้นคุณจึงพอจะเริ่มเห็นแล้ว่า การเขียนเนื้อหา มีความสำคัญอย่างไรสำหรับการสร้างเว็บไซต์ในปัจจุบัน
การเขียน "Copywriting" มีความแตกต่างจากการบอกเล่าทั่วไป คือ การเขียน "Copywriting" มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิด Transaction บางอย่าง อย่างเช่น กระตุ้นให้เกิดการสมัครใช้บริการ หรือการซื้อสินค้าเป็นต้น "Copywriting" ส่วนมากจะพูดถึงผลประโยชน์ที่ผู้ใช้บริการจะได้รับ เพราะความจริงคือว่า ผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณ แท้ที่จริงแล้วเค้าไม่ได้สนใจว่าสินค้าของคุณจะเป็นอย่างไร แต่สนใจเพียงแค่ว่าเค้าจะได้รับประโยชน์อย่างไรจากสินค้าและบริการของคุณเท่านั้น!
ต่อไปเราจะมาดูวิธีการวางโครงสร้างข้อมูลบนเว็บไซต์
1. Headline
ส่วนนี้เป็นส่วนที่เด่นที่สุด และเป็นส่วนที่สำคัญที่สุด เป็นส่วนแรกที่จะตัดสินว่าผู้ชมจะอ่านข้อมูลต่อ หรือว่าจากไป Headline มีความสำคัญในแง่ของ SEO เพราะ เมื่อผู้ใช้คลิ้ก link ของคุณจาก Search Engine ผู้ใช้มีความคาดหวังว่าจะได้เห็น Headline ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ link ที่คลิ้กมาจาก Search Engine ซึ่งแน่นอนว่าถ้าผู้ใช้กำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง แต่เมื่อคลิ้กเข้ามา เว็บไซต์ของคุณเป็นเว็บไซต์เพลง ผู้ใช้ก็คงไม่รีรอที่จะคลิ้กปุ่ม Back เพื่อไปดูข้อมูลจากเว็บไซต์อื่นแทน ดังนั้น Headline จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในแง่ของ SEO
เทคนิคการเขียน Headline ที่ดี ต้องคำนึงถึงข้อเท็จจริงที่ว่า ผู้ใช้ไม่ได้สนใจเว็บไซต์ของคุณหรือสินค้าของคุณ ผู้ใช้สนใจเพียงแค่ตัวเองเท่านั้น ดังนั้นเราต้องทำให้ผู้ใช้รู้สึกว่าได้อะไรบางอย่างกลับไป ซึ่งเทคนิคก็คือ ให้เขียนในเรื่องดังต่อไปนี้
- Outline Benefits คือ แสดงให้เห็นถึงประโยชน์ที่ผู้ใช้จะได้รับ
- Make Offer คือ เสนอผลประโยชน์ให้ อย่างเช่น ซื้อ 1 แถม 1
- Provide News คือ ให้ข้อมูลข่าวสาร ผู้ใช้ทั่วไปชอบที่จะรับรู้ข้อมูลข่าวสาร โดยเฉพาะข่าวสารที่น่าสนใจ
เดี๋ยวเรามาลองดูเทคนิคในการ Outline Benefits กัน "Benefits" คือ สิ่งที่สินค้าและบริการเข้ามาช่วยในชิวิตของผู้ใช้ดีขึ้น ยกตัวอย่างเช่น โฆษณาของ iphone ดังต่อไปนี้ "holds the internet in your pocket" โดยทั่วไปการเขียนถึง "Benefits" จะเริ่มต้นด้วย "verbs" เราต้องแยกแยะให้ออกระหว่าง Features และ Benefits ยกตัวอย่างเช่น “the iPhone’s slim shape makes it easy to fit in your pocket” ในตัวอย่างนี้จะเห็นว่า "Features" คือ "slim shape" ส่ว่น "Benefits" คือ "easy to fit in your pocket"
"Features" เป็นการบรรยายคุณสมบัติของสินค้า ยกตัวอย่างเช่น "24 Hr Battery Life" ส่วน "Benefits" คือ สิ่งที่ Feature เข้ามาช่วยทำให้ชีวิตของผู้ใช้ดีขึ้น สำหรับในกรณีนี้คือ "“you can go all day without plugging the phone into a charger”
มาถึงตรงนี้ อยากจะเน้นย้ำอีกครั้งว่า "ผู้ใช้ไม่ได้ให้ความสนใจเกี่ยวกับสินค้าของคุณ" (หรือให้ความสนใจน้อยมาก) แต่ผู้ใช้มีความสนใจว่าสินค้าหรือบริการของคุณให้อะไรแก่เค้า (ซึ่งข้อมูลของคุณควรเน้นในจุดนี้)
เราต้องพยายามเน้นในเรื่องของ "Benefits" ในเนื้อหาของเรา ซึ่งวิธีการที่ง่ายที่สุด คือ ทำรายการของ Feature ออกมาก่อน แล้วค่อยมาดูว่า แต่ละ Feature ให้ประโยชน์อะไรแก่ผู้ใช้ ยกตัวอย่างเช่น
Feature: 24 Hour Battery Life , Benefit : You can go all day without recharge
Feature: Run Fat Tires , Benefit : You don't have to change a tire if you get a puncture
สูตรง่ายๆในการเขียน Headline ให้น่าสนใจ คือ "เริ่มด้วย Verb"! ยกตัวอย่างเช่น
- Drive all day without getting tired
- Clean dishes in half the time it usually takes, using half the water
หาก Headling มีความน่าสนใจ ก็เป็นไปได้อย่างยิ่งว่า ผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์จะ click เพื่ออ่านข้อมูลเพิ่มเติมอื่นๆต่อไป ในแง่ของ SEO การใส่ Keyword เข้าไปใน Headline ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี แต่ทั้งนี้ต้องไม่ทำให้ Headline สูญเสียความน่าสนใจ เพราะการทำ SEO เรายังมีโอกาสทำในจุดอื่นๆได้อีก แต่ Headline คือ โอกาสเดียวที่จะดึงความสนใจให้ผู้ที่เข้ามายังเว็บไซต์ของเราอ่านข้อมูลอื่นๆต่อไป
Benefits สามารถ "มองได้หลายมุม" ยกตัวอย่างเช่น "Opportunities to reduce pain" ก็ถือว่าเป็น "Benefit" ยกตัวอย่างเช่น “Clean a window in ten seconds using MicroClean technology” ซึ่ง "pain" ในที่นี้คือ "ปกติเราต้องใช้เวลามากกว่านี้ในการทำความสะอาดหน้าต่าง" ในตัวอย่างนี้ มีการประยุกต์ใช้ "proof" ซึ่งก็คือ "MicroClean Technology" ซึ่ง ผู้อ่านอาจยังไม่รู้ว่าคืออะไร ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้เราได้อธิบายในบริเวณส่วนที่เป็นเนื้อหาต่อไป
ต่อไปเราลองมาดูเทคนิคการ Make Offer กันนะครับ สำหรับเทคนิคนี้ เราน่าจะคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว อย่างเช่น โฆษณาที่มักจะเขียนว่า ซื้อ 1 แถม 1 การใช้ Offer กับ Headline ช่วยดึงดูดความสนใจได้ดี การใช้ Offer เหมาะสำหรับในกรณีที่ผู้อ่านมีความคุ้นเคยกับสินค้าของคุณอยู่แล้ว หากสินค้าของคุณไม่เป็นที่รู้จัก หรือจำเป็นต้องอธิบาย การนำ Offer มาใช้ใน Headline อาจไม่มีประโยชน์มากนัก
2. Body
วัตถุประสงค์ของการเขียน Headline มีอยู่เพียงข้อเดียวคือ เพื่อดึงดูดความสนใจให้ผู้อ่านติดตามอ่านต่อในส่วนของ Body ในแต่ละบรรทัดของ Body มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้อ่านติดตามอ่านในบรรทัดต่อไป
สิ่งที่เราเขียนไว้ใน Headline ควรได้รับการอธิบายในส่วนของ Body ยกตัวอย่างเช่น หากคุณเริ่ม Headline ด้วย “Drive all day without getting tired“ ในบรรทัดแรกของ Body ก็ควรจะอธิบายว่า จะขับรถทั้งวันโดยที่ไม่เหนื่อยล้าได้อย่างไร ? ยกตัวอย่างเช่น “when you drive long distances, your body aches. You get tired. But
there’s now a great way to avoid those aches and strains, with contour
car seat covers that gently massage your pressure points”
เทคนิคในการเขียน Body แบบหนึ่งที่เป็นที่นิยมคือ "Three Steps Body Copy" คือ ประกอบด้วย Beginning, Middle และ Ending เหตุผลอย่างหนึ่งที่ทำให้วิธีการนี้ได้รับความนิยม คือ มันเป็นรูปแบบของ "Story" ซึ่ง Story เป็นวิธีการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพมาก
การเขียน Body จะเริ่มเล่าเกี่ยวกับปัญหาก่อนในส่วนของ Beginning จากนั้นจะพูดถึงวิธีการแก้ปัญหาในส่วนของ Middle ในส่วน Endding เราจะสรุปใจความสำคัญ และบอกถึง Action ที่หากทำแล้ว จะสามารถช่วยแก้ปัญหาได้ อย่างเช่น โทรหาเราวันนี้! ลงทะเบียนวันนี้! เป็นต้น
3 The Close
ในบริเวณส่วนปิดท้าย ควร เน้นย้ำถึง Offers หรือ Benefits อีกครั้งหนึ่ง และควรจะบอกผู้อ่านให้ชัดเจนด้วยว่า ผู้อ่านจะต้องทำอย่างไร เพื่อที่จะได้ Offers อย่างเช่น โทรมาที่ หมายเลข xxxxx หรือส่ง mail มาที่ yyyyy เป็นต้น หากเว็บไซต์ของคุณเป็นเว็บไซต์ E-Commerce ผู้ใช้บริการอาจลังเลที่จะใช้บริการ ดังนั้นในบริเวณนี้ ควรสร้างความมั่นใจกับผู้เข้ามาเยี่ยมชม โดยการแสดง Safty Badge หรือ แสดงทะเบียนการค้า เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้บริการ ผู้ใช้บริการมักมีความกังวลในเรื่องของการโฆษณาเกินจริง ซึ่งหากเป็นไปได้ เราอาจมีการเสนอ Free Trial หรือ Money Back Guarantee สำหรับในกรณีที่ผู้เยี่ยมชมอ่านข้อมูลแล้ว แต่ยังลังเลที่จะ take action ใดๆ การเสนอ Offer แบบ Time Limited อาจสามารถช่วยได้ เพราะความเสียดายโอกาสจะช่วยเป็นแรงผลักดันให้เกิดการ Take Action
แหล่งที่มา : http://www.seotools.net/
Advertisment
8columns ให้บริการออกแบบเว็บไซต์สำหรับธุรกิจขนาดเล็ก ใช้ง่าย สวยงาม ราคาประหยัด รองรับ Smartphone และ Tablet สามารถดูสถิติผู้เยี่ยมชมได้ผ่าน Google Analytics ระบบแก้ไขข้อมูลใช้งานง่าย สามารถแก้ไขข้อมูลผ่านเว็บไซต์ได้โดยตรง แก้เสร็จแล้วสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ทันที มีเว็บไซต์ตัวอย่างให้ทดลองก่อนตัดสินใจ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.8columns.com หรือสอบถามข้อมูลได้ที่ http://www.facebook.com/8columns
Tags: ออกแบบเว็บไซต์, ออกแบบเว็บ, รับออกแบบเว็บไซต์, รับออกแบบเว็บ, ทำเว็บไซต์, รับทำเว็บไซต์, ทำเว็บ, รับทำเว็บ
No comments:
Post a Comment